เทคโนโลยีการรักษาและดูแลผิวพรรณ

หัวข้อกระทู้ ใน 'คลังความรู้เรื่องความสวยความงามและสุขภาพ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 10 พฤษภาคม 2015.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    เทคโนโลยีดูแลผิวพรรณ


    เครื่องมือที่ใช้การดูแลรักษาผิว
    ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีด้านผิวพรรณได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้วิธีการใหม่ๆ ในการดูแลซ่อมแซมผิวมากขึ้น โดยเฉพาการใช้เลเซอร์ ที่กำลังเป็นที่นิยม ถึงแม้ว่าราคาจะยังคงแพงกว่าวิธีการอื่นๆ แต่ก็ได้ผลค่อนข้างเร็ว เครื่องมือบางอย่างนอกจากจะช่วยแก้ไขรอยสิวแล้ว ยังช่วยเรื่องริ้วรอย และจุดด่างดำอีกด้วย

    คลินิกแต่ละแห่งมักจะนำเสนอนวตกรรมใหม่ๆ เพื่อจูงใจให้คนมาใช้บริการ การใช้เครื่องมือแต่ละชนิดจึงอาจมีการเรียกที่แตกต่างกัน ซึ่งเราสามารถสอบถามจากคลินิกได้โดยตรงว่า ใช้อุปกรณ์แบบไหนในการรักษา และจะได้ผลลัพท์อย่างไรบ้าง

    1. ไอออนโต (Ionto) ทรีตเม้นท์ บำรุงผิวด้วยวิตามิน
    ไอออนโตมาจากคำว่า ไอออนโตโฟรีซีส (Iontophoresis) เป็นเครื่องมือที่ใช้กระแสไฟฟ้าช่วยผลักยา และวิตามินลงไปชั้นใต้ผิวหนัง หลักการทำงานของเครื่อง จะใช้ประจุไฟฟ้าอ่อนๆ ช่วยทำให้สารละลายแตกตัว มีความร้อนเป็นสื่อช่วยให้รูขุมขนเปิด แล้วผลักให้สารละลายวิตามินที่ใช้ในการดูแลผิว ซึมลงชั้นผิวหนัง ซึ่งจะให้ผลได้ดีกว่าการทาแบบธรรมดา

    การใช้วิตามินบำรุงผิวกับเครื่องไอออนโต จะต้องอยู่ในรูปแบบของเจล ซึ่งมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น วิตามินเอ ช่วยเรื่องรอยแผลเป็นจากสิว ร่องตามใบหน้า ทำให้แผลเป็นดูเรียบเนียนขึ้น หน้าดูขาวใส วิตามินซี จะใช้สำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้ง มีจุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น ซึ่งวิตามินจะช่วยบำรุงเซลล์ผิวให้มีชีวิตชีวา นอกจากนี้อาจใช้พวกสารอื่นๆ เช่นกรดโคจิก (Kojic Acid), Albutin (ช่วยยับยั้งการสร้างเอนไซม์ที่ทำให้เกิดเม็ดสี), Aloe vera (เพิ่มความชุ่มชื้นผิว), Azeleic Acid เป็นต้น

    การทำไอออนโต เป็นการใช้เทคโนโลยีที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายบนใบหน้า ไม่ต้องเตรียมผิว หรือทายาชา และทำแล้วไม่เกิดบาดแผล หลังทำอาจทำให้หน้าดูชมพูเรื่อๆ ทำเสร็จแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องทำการพักฟื้น

    ค่าใช้จ่ายในการทำไอออนโต ประมาณ 150 - 300 บาท/ครั้ง (ขึ้นอยู่กับจำนวนวิตามินที่ใช้ด้วย) หรือ 1,500 - 3,000 บาท/12 ครั้ง

    ขั้นตอนการทำไอออนโต
    - แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเช็คสภาพผิวหน้าก่อนว่าเรามีสภาพผิวแบบไหน ควรบำรุงด้วยวิตามินชนิดใด เช่น วิตามินซี ใช้กับคนที่มีผิวหน้าแห้ง เป็นต้น
    - ทำความสะอาดหน้า เช็ดล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนทำไอออนโต
    - ทาวิตามินบำรุงผิวให้ทั่วใบหน้า วิตามินต้องอยู่ในรูปของเจล
    - ใช้เครื่องไอออนโต ที่มีลักษณะเหมือนลูกกลิ้ง สัมผัสวนๆ คลึงตามผิวหน้าให้ทั่ว เพื่อกระตุ้นให้วิตามินซึมเข้าไปในผิว โดยใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที/ครั้ง
    - ระหว่างการทำไอออนโต อาจรู้สึกจี๊ดๆ บนผิวหน้าบ้าง และหลังทำแล้ว ผิวอาจจะเป็นสีชมพูเรื่อ จากกระแสไฟฟ้าที่ช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด

    ข้อดี - ข้อเสีย
    - มีผลข้างเคียงน้อย ไม่ทำให้หน้าพัง สำหรับคนผิวแห้งอาจทำให้หน้าลอก เป็นขุยบ้าง แต่ไม่มาก จนเป็นอันตราย
    - ราคาถูกกว่าการใช้เลเซอร์
    - ไอออนโตไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย คนที่กำลังรักษาสิว มีสิวอักเสบ สิวอุดตัน หรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจ สตรีมีครรภ์
    - บางคนทำแล้วอาจรู้สึกว่าหน้าบางลงบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำลายผิวหน้า
    - การทำครั้งเดียวอาจเห็นผลไม่ชัดเจน ต้องทำบ่อยๆ 1-3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลดี อาจต้องทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ครั้ง

    ตัวอย่างการทำไอออนโต



    ด้วยเทคโนโลยีด้านความงามมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว บางคลินิกได้เปลี่ยนจากการใช้ไอออนโต มาเป็นการผลักตัวยาแบบที่ให้ยาลงไปในชั้นผิวหนังได้ลึกกว่าเดิม (Ultra deep) ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น การทำอัลตร้า ดีพ อยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท/ครั้ง


    รีวิวการทำ อัลตร้า ดีพ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aiwa&month=23-08-2013&group=17&gblog=27

    ตัวอย่างการทำ อัลตร้า ดีพ



    2. โฟโน (Phono) ทรีตเม้นท์ บำรุงผิว นวดหน้า
    โฟโนมาจาก โฟโนโฟรีซีส (Phonophoresis) เป็นเครื่องมือที่ใช้คลื่นเสียงผลักยา หรือวิตามินเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง มีลักษณะคล้ายกับการทำไอออนโต แต่เป็นการใช้การสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonic Wave) ที่ความถี่ 1-3 MHZ เป็นตัวผลักให้วิตามินต่างๆ เข้าสู่ผิวหน้า

    การทำโฟโน เหมือนกับการนวดหน้าในระดับเซลล์ ทำให้ระบบเลือด และน้ำเหลืองมีการไหลเวียนดีขึ้น ทำให้หน้านุ่มเนียน สดใส กระชับผิว ชะลอการเกิดริ้วรอยจากวัย ลดรอยคล้ำ รอยจ้ำเลือดได้

    การทำโฟโน เป็นเหมือนการบำรุงหน้า นวดหน้า จึงไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ

    ค่าใช้จ่ายในการทำโฟโน ประมาณ 300 บาท/ครั้ง หรือคอร์สละ 2,000 บาท/10 ครั้ง


    ขั้นตอนการทำโฟโน
    - ทำความสะอาดหน้าก่อนทำโฟโน
    - ทาด้วยเจลวิตามินให้ทั่วหน้า
    - ใช้หัวของอุปกรณ์โฟโนคลึง นวดให้ทั่วใบหน้า ประมาณ 15-20 นาที

    ข้อดี - ข้อเสีย
    - ไม่มีผลข้างเคียง ง่าย ทำได้สะดวก ทำแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
    - เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งลอก ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำแล้วรู้สึกสบายหน้า
    - อาจต้องทำบ่อย อย่างน้อย 1-3 ครั้ง/สัปดาห์ และรักษาต่อเนื่องเป็นเวลา 4-10 สัปดาห์ จึงจะเห็นผล

    ตัวอย่างการทำโฟโน



    3. IPL (Intense Pulsed Light) รักษาความผิดปกติของสีผิว
    IPL ไม่ใช่เลเซอร์อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นเครื่องมือที่ปล่อยพลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูงออกมาหลายช่วงคลื่น ตั้งแต่ 500 - 1,200 นาโนเมตร หลักการทำงานของ IPL คือปล่อยความยาวคลื่น ลงไปสัมผัสกับผิวหน้า ผิวเราก็จะดูดพลังงานแสงแต่ละช่วงคลื่นเข้าไป ทำให้เกิดความร้อน เพื่อเข้าไปแก้ไขเม็ดสี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง

    การทำ IPL หรือที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นเลเซอร์หน้าใส ช่วยจัดการเรื่องของความผิดปกติของสีผิว รอยดำ รอยแดง กระตื้น ฝ้า (บางชนิด) ริ้วรอยตื้นๆ กระชับรูขุมขน ใช้ในกระบวนการรักษาสิว (เพื่อฆ่าแบคทีเรีย P.Acne) กำจัดขน เส้นเลือดฝอยเล็กๆ ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

    การรักษาด้วย IPL เป็นการรักษาแบบไม่เกิดแผล ไม่เจ็บ ไม่มีสะเก็ดหลังทำ ไม่จำเป็นต้องทายาชา ทำแล้วไม่มีผลกระทบหลังทำมากนัก

    ค่าใช้จ่ายในการทำไอพีแอล ประมาณ 3,000 - 6,000 บาท/ครั้ง

    ขั้นตอนการทำ
    - การใช้เครื่อง IPL จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแล
    - ทาเจลเย็น ให้ทั่วใบหน้า (เพื่อช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บร้อน) อาจต้องใส่แว่นตากันแสงจ้าใส่ตาด้วย
    - นำหัว IPL วางทาบบนบริเวณใบหน้าให้ทั่ว เครื่องจะปล่อยลำแสงออกมาคล้ายกับแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูป
    - ขณะทำจะรู้สึกเหมือนหนังยางดีดเบาๆ
    - ใช้เวลาในการทำ 20-40 นาที

    ข้อดี - ข้อเสีย
    - มีผลข้างเคียงน้อย หลังทำจะรู้สึกหน้าอุ่นๆ แดง และปวดแสบร้อนเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปใน 20-30 นาที
    - IPL มีคุณสมบัติทำได้หลายอย่างในเครื่องเดียว
    - อาจต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นผลต้องทำ 3-4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1 เดือน
    - หลังทำควรทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) และทากันแดด SPF 50++
    - หลังทำควรเลี่ยงการโดนแดดจัดๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์
    - สำหรับคนที่มีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อ มีประวัติแพ้แสง เป็นโรคเริม หรือมีประวัติเป็นคีลอยด์ได้ง่าย ไม่ควรทำ IPL
    - สำหรับคนที่มีผิวคล้ำ เข้ม เพิ่งกลับจากการเที่ยวทะเล หรืออาบแดดมาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ไม่ควรทำ IPL เพราะอาจทำให้ผิวเกิดเป็นรอยดำ รอยไหม้ รอยด่างขาวได้
    - หญิงตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการทำ IPL

    ตัวอย่างการทำ IPL


    ความรู้เรื่อง IPL


    เครื่อง IPL แบบบ้าน http://pantip.com/topic/32421925
  2. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    4. เลเซอร์ วีบีม (V-beam Laser) รักษารอยแดง
    การ ทำวีบีม เป็นการใช้เครื่องเลเซอร์ประเภท Pulsed Dye Laser ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ 595 นาโนเมตร ที่สามารถดูดซับเม็ดเลือดแดง และเม็ดสีเมลานินในผิวได้ดี จึงสามารถนำมาใช้กับการรักษาโรคของเส้นเลือดที่มีสีแดงทุกชนิด รวมถึงการลดการแดงอักเสบของสิว รอยแดงของสิว ปานแดง

    เลเซอร์ วีบีม ยังสามารถใช้ในการรักษาสิว ช่วยให้สิวแห้ง และหายเร็ว ลดรอยกระ จุดด่างดำชนิดตื้น ริ้วรอยตื้นๆ บางลง รูขุมขนกระชับขึ้น ฟื้นฟูสภาพผิวที่ติดสเตียรอยด์ ช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขี้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

    การ ทำเลเซอร์ วีบีม เป็นการทำเลเซอร์แบบไม่ต้องเตรียมหน้ามาก ไม่มีการทายาชาก่อนทำ ทำแล้วไม่เกิดแผล หลังเลเซอร์อาจทำให้หน้าแดง แต่ไม่นานก็จะหายไป

    ค่าใช้จ่ายในการทำวีบีมประมาณ 1,400 บาท/ 20 จุด หรือราคาเหมาทั้งหน้าประมาณ 3,000 - 4,000 บาท

    ขั้นตอนการทำวีบีม
    - ทำความสะอาดผิวหน้า แล้วสวมแว่นตาป้องกันแสงจ้า (ไม่ต้องทาเจลใดๆ)
    - ใช้เครื่องมือวีบีม วางบนผิวหน้า เครื่องจะพ่นสเปรย์ความเย็นออกมาก่อน เพื่อช่วยให้เจ็บน้อยลง แล้วจึงยิงแสงที่ความร้อนออกมา แสงจะจ้าคล้ายแสงแฟลช
    - ระหว่างที่ทำเลเซอร์ อาจรู้สึกเหมือนผิวถูกดีด เจ็บแปล๊บๆ เหมือนโดนหนังสติ๊กดีด
    - หลังทำเลเซอร์ อาจต้องประคบด้วยความเย็นบางจุด

    ข้อดี - ข้อเสีย
    - สามารถช่วยในการรักษาสิว ทำให้สิวแห้ง สิวอักเสบหายเร็วขึ้น
    - หลังทำไม่มีผลข้างเคียง แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงแดด และทาครีมกันแดงหลังทำเลเซอร์
    - หลังการทำเลเซอร์ ไม่มีบาดแผลเปิด จึงไม่ต้องมีการพักฟื้น หน้าอาจออกแดงๆ มีจ้ำเลือดบ้าง
    - หลังทำสามารถล้างหน้าแต่งหน้าได้ตามปกติ
    - ได้ผลดีสำหรับรอยสิวใหม่ รอยแดงใหม่ๆ แต่ถ้ารอยดำ หรือรอยสิวนานแล้ว ไม่ค่อยเห็นผล หรืออาจจะต้องทำหลายครั้ง
    - ผลของการทำ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผิวแต่ละคน สำหรับคนที่ผิวถูกกับการทำเลเซอร์ ก็จะเห็นผลได้ดีกว่า และเร็วกว่า
    - การทำเลเซอร์ให้ได้ผล ควรทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง

    ความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำ วีบีม http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=76485

    ความรู้เรื่อง วีบีม


    สาธิตการยิงวีบีม



    การใช้เลเซอร์กับผิว

    1. แฟลกเซล (Fraxel Laser / Fractinal Laser) รักษาหลุมสิว แผลเป็น ริ้วรอย
    การทำ แฟลกเซล เป็นการใช้เลเซอร์ชนิด Fractional Erbium Laser หลักการทำงานของเครื่องคือ เจาะรูที่ผิวหนังอย่างละเอียด และเล็กมากๆ แล้วปล่อยแสงลงไปใต้ผิวหนัง ในระดับความลึกที่พอดี กับตำแหน่งที่ต้องการให้ผิวสร้างเซลล์ผิวใหม่ เมื่อแสงลงไปสัมผัสกับผิวชั้นในจะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Fractional Photothermolysis เซลล์เก่าก็จะถูกผลัดออกไป และมีเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทน

    การทำ แฟลกเซล เหมาะกับการใช้รักษารอยหลุมสิว รอยดำจากสิว รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด หน้าท้องลาย ริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา ผิวหน้าหยาบกร้านไม่เรียบเนียน ช่วยกระชับรูขุมขน และสามารถรักษาร่วมกับการรักษาแบบอื่นได้ เช่น วีบีม (รักษาอาการผิวแดง) ทำโบท็อกซ์ สำหรับเครื่องแฟลกเซลในปัจจุบันก็มีออกมาหลายรุ่น เช่น Fraxel Restore (รุ่นที่เหมาะกับการรักษารอยลึกๆ เช่นหลุมสิว แผลเป็น) Fraxel Refine (รุ่นที่ช่วยกระชับรูขุมขน)

    การ ใช้แฟลกเซล เป็นการเลเซอร์แบบไม่เกิดแผล ไม่มีเลือดไหล แต่ต้องทายาชาก่อนทำ เพื่อไม่ให้แสบร้อนมากนัก หลังทำอาจจะทำให้หน้าแดงบ้าง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ

    ค่าใช้จ่ายในการทำแฟลกเซล ประมาณ 10,000-30,000 บาท/ครั้ง

    ขั้นตอนการทำแฟลกเซล
    - ทำความสะอาดใบหน้า แล้วทายาชาให้ทั่ว แรบด้วยพลาสติกใสทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง แล้วเช็ดออก
    - ใช้หัวแฟลกเซล กลิ้งไปให้ทั่วใบหน้า เวลากลิ้งจะเหมือนการทาสี (Painting)
    - ระหว่างการทำแฟลกเซล มักจะมีการเป่าลมเย็น และหลังทำอาจใช้เจลเย็นประคบหน้า
    - การทำแฟลกเซล ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที

    การดูแลหลังการรักษา
    - ระหว่างทำอาจจะรู้สึกแสบร้อนนิดหน่อย ทำเสร็จแล้วอาจรู้สึกแสบบ้าง
    - หลังทำแล้วหน้าจะแดงๆ อยู่ประมาณ 1-2 วัน
    - ผลข้างเคียงอื่นๆ อาจมีอาการผิวบวมพอง ตกสะเก็ด และสีผิวเปลี่ยนได้
    - หลังทำเลเซอร์ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด ควรล้างหน้า และเช็ดหน้าอย่างเบามือ ไม่ขัดหน้า ลอกหน้า มาร์คหน้า
    - หลังทำเลเซอร์ ไม่ควรทายาสิว ยาเอเอชเอ ไวเทนนิ่ง และควรงดแต่งหน้าสักประมาณ 3 วันหลังเลเซอร์ ให้ทาได้เฉพาะครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดที่มี SPF 30+++
    - หลังทำอาจรู้สึกว่าผิวมีสีเข้มขึ้น และผิวจะค่อยๆ ลอกหลุดไปภายใน 7-10 วัน แล้วจะมีเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทน
    - การทำเลเซอร์เพื่อให้ได้ผลดี อาจต้องทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง โดยระยะทำครั้งถัดไปควรห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์
    - ไม่เหมาะกับคนหน้าบาง ผิวติดสเตียรอยด์

    ตัวอย่างการทำแฟลกเซล


    รีวิวการทำแฟลกเซล


    รีวิวการทำแฟลกเซล http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2009/01/Q7423833/Q7423833.html


    2. ฟายสแกน (Fine Scan) รักษาหลุมสิว ริ้วรอย รอยแผลเป็น
    เล เซอร์ฟายสแกน เป็นเลเซอร์ประเภท Fractional Erbium Laser มีลักษณะการทำงานคล้ายกันกับเครื่องแฟลกเซล ที่ปล่อยคลื่นแสงในช่วง mid infrared ลงไปใต้ผิว เพื่อให้เกิดปฏิกิริยา Fractional Photothermolysis โดยคลื่นแสงจะลงไปยังระดับที่พอดีกับการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จากนั้นเซลล์ผิวเก่าก็จะตายและถูกผลัดหลุดออกไป ภายใน 1-2 สัปดาห์

    ฟาย สแกน จะช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ทดแทนส่วนที่ถูกทำลาย ฟื้นฟูสภาพผิว รักษาริ้วรอย ร่องลึก หลุมสิว รอยแผลเป็น รอยแดงแตกลาย ริ้วรอยเหี่ยวย่น ฝ้า จุดด่างดำ ช่วยกระชับรูขุมขน

    ค่าใช้จ่ายในการทำไฟน์สแกน ประมาณ 4,000 - 6,000 บาท/ครั้ง (บางแห่งอาจมีราคาเหมาแบบเป็นคอร์ส)

    ขั้นตอนการทำฟายสแกน
    - ทำความสะอาดใบหน้า แล้วทายาชาให้ทั่ว แรบด้วยพลาสติกใสทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง แล้วเช็ดออก
    - สวมแว่นตาเพื่อป้องกันแสงจ้าจากเลเซอร์
    - แพทย์จะใช้หัวเลเซอร์สัมผัสเบาๆ (วางทาบเป็นจุดๆ แบบ Stamp) บนผิวแล้วเคลื่อนไปมาจนทั่วบริเวณที่รักษา 2-3 รอบ (อาจไม่ได้วนทั่วทั้งหน้า)
    - ใช้เวลาในการทำ 10-20 นาที
    - หลังทำแล้วอาจประคบด้วยเจลเย็น หรือเป่าลมเย็นเพื่อช่วยลดการแสบร้อน

    การดูแลหลังการรักษา
    - หลังทำจะรู้สึกแสบร้อนบ้าง และหน้าจะออกแดงๆ
    - ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการเลเซอร์ควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก่อน
    - เมื่อล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าได้แล้ว ควรล้างอย่างเบามือ ไม่ขัดถูหน้า
    - ควรใช้ครีมบำรุงผิว มอยเจอร์ไรเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิว ให้ผิวชุ่มชื้น และทากันแดดที่ SPF 30++
    - หลังทำเลเซอร์ในสัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด สถานที่ร้อนจัด
    - หลังทำเลเซอร์ใน 3 วันแรก เลี่ยงการอาบน้ำร้อน ซาวน่า ขัดหน้า นวดหน้า หรือใช้ยาที่อาจระคายเคืองต่อใบหน้า
    - บริเวณที่ทำเลเซอร์ ผิวหน้าจะเข้มขึ้น แล้วจะตกสะเก็ดหลุดลอกออกไปภายใน 7-10 วัน หลังจากนั้นจะได้ผิวใหม่ที่สวย และมีสุขภาพดี
    - หากมีสะเก็ด ควรให้หลุดตามธรรมชาติ ไม่แกะหรือเกา

    ข้อดี - ข้อเสีย
    - การทำฟายสแกน ควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญ
    - การรักษาให้ได้ผล ควรทำอย่างต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์

    รีวิวการทำ Fine Scan http://pantip.com/topic/30590884

    การทำ Fine Scan



    3. Fractional CO2 รักษาสิวอุดตัน กำจัดไฝ ขี้แมลงวัน
    CO2 เป็นเลเซอร์ที่มีช่วงอินฟราเรดระยะไกล (far infrared light) ที่ 10,600 นาโนเมตร และสามารถดูดซึมน้ำได้ดี พลังงานสามารถดูดซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อ และทำให้เกิดความร้อนอย่างรวดเร็ว

    การ ทำ CO2 ให้ประโยชน์ทางด้านความงามคือ ใช้ในการรักษาสิวหิน-สิวข้าวสาร ติ่งเนื้อ กระเนื้อ ไฝ หูด ขี้แมลงวัน นอกจากนี้ยังใช้ในการเจาะสิวอุดตัน โดยทำให้ผิวหนังที่หุ้มสิวอยู่เกิดเป็นรูเล็กๆ สำหรับเป็นทางออก จากนั้นก็กดเอาก้อนไขมันข้างใต้ออกมา เลเซอร์สามารถช่วยฆ่าเชื้อโรค และทำลายต่อมไขมันได้บางส่วน ทำให้สิวยุบเร็ว และป้องกันการเกิดสิวใหม่

    ค่าใช้จ่ายในการเลเซอร์ CO2 มักจะคิดเป็นจุดๆ ละประมาณ 100 - 300 บาท หากมีมากอาจคิดราคาแบบเหมาทั้งหน้าที่ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท

    ขั้นตอนการใช้เลเซอร์ CO2
    - ทำความสะอาดสะอาดหน้า แล้วทายาชาบนใบหน้า และบริเวณที่จะยิงเลเซอร์ ทิ้งไว้ 45 นาที - 1 ชั่วโมง
    - ใช้ คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser) ยิงที่หัวสิว เพื่อเปิดหัวสิว ลำแสงเลเซอร์จะทำให้หัวสิวเกิดเป็นรูเล็กๆ
    - จากนั้นหมอจะใช้อุปกรณ์กดสิว กดเอาก้อนไขมันของสิวอุดตันออกมา

    การดูแลหลังการรักษา
    - หลังทำเลเซอร์ CO2 ในการรักษาสิวอุดตัน จะเห็นเป็นจุดแดงๆ เป็นรูๆ ตามรอยสิว อยู่ประมาณ 3-4 วัน จากนั้นจุดแดงๆ จะตกสะเก็ดและหลุดลอกไปภายใน 3-7 วัน
    - หลังการทำเลเซอร์ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัดๆ โดยตรง ควรทาครีมกันแดด
    - หลังทำเลเซอร์แผลจะตกสะเก็ดอยู่ประมาณ 3-7 วัน ควรปล่อยให้สะเก็ดนั้นหลุดมาเอง ไม่แกะเกา บริเวณแผล
    - ควรล้างหน้าอย่างอ่อนโยน

    ข้อดี - ข้อเสีย
    - ใช้รักษาสิวอุดตันได้ โดยเฉพาะคนที่มีสิวอุดตันเยอะๆ สามารถใช้เลเซอร์ยิงเปิดหัวสิว จะทำให้สิวยุบเร็วกว่า และบอบช้ำน้อยกว่าการกดสิวแบบบีบเค้นสิว
    - การทำเลเซอร์ CO2 ควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะหากยิงเลเซอร์ในปริมาณมากไป หรือไปโดนเนื้อเยื่อข้างเคียง ก็อาจเกิดรอยแผลเป็น รอยดำ
    - เพื่อให้ได้ผลดี อาจต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์

    รีวิวการรักษาสิวอุดตันด้วย CO2 http://women.sanook.com/blog/8187/มากำจัดสิวอุดตันด้วยเล/

    รีวิวการทำ CO2 เลเซอร์ http://pantip.com/topic/32027691
  3. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    4. อี แมททริก (e Matrix) กระตุ้นสร้างคอลลาเจน ยกกระชับหน้า ลดรอยหลุมสิว
    อี แมททริก เป็นการใช้เทคโนโลยี Fractional Radio Frequency โดยใช้คลื่นวิทยุไฟฟ้า เพื่อให้พลังงานเข้าไปใต้ผิวได้มากขึ้นโดยส่งผลกับพื้นผิวด้านบนน้อยกว่า e Matrix จะเข้าไปในระดับที่ต่างกัน หลักการทำงานของเครื่องจะมีหัวขนาด 8 x 8 แถวเพื่อส่งคลื่นวิทยุลงไปใต้ผิวหนัง ให้เกิดความลึกที่แตกต่างกัน หากเป็นพวกริ้วรอยเหี่ยวย่น ที่อยู่ใต้หนังกำพร้า ก็ปรับให้คลื่นความถี่สั้น หากเป็นรอยหลุมสิว ที่มีพังผืดอยู่ลึก ก็สามารถปรับให้พลังงานไปแก้ไขในจุดที่ลึกกว่า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้น

    การ ทำ อีแมททริก เป็นการรักษาผิวที่เห็นผลค่อนข้างเร็ว เหมาะกับการรักษาหลุมสิว และริ้วรอย อาจต้องทำร่วมกันกับการเซาะพังผืด (Subcision) ใต้หลุมสิว การทำจะไม่เกิดบาดแผลรุนแรง แต่ยังต้องใช้ยาทา ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

    ขั้นตอนการทำ อีแมททริก
    - ทำความสะอาดสะอาดหน้า แล้วทายาชาบนใบหน้า และบริเวณที่จะยิงเลเซอร์ ทิ้งไว้ 45 นาที - 1 ชั่วโมง
    - เช็ดยาชาออก แล้วเป่าลมให้หน้าแห้งสนิท
    - ใช้หัวยิงอีแมททริก ที่เป็นหัวทองคำทาบตามใบหน้าจนทั่วหน้า (ใช้หลักการที่เรียกว่า Stamp) ลักษณะหัวเครื่องมือจะเป็นสี่เหลี่ยมตารางๆ
    - ขณะยิงจะรู้สึกร้อน และเจ็บเล็กน้อย ใช้เวลาในการทำประมาณ 10-15 นาที
    - หลังทำเสร็จ หมอจะประคบเย็นช่วยลดความแสบร้อน และทาครีมเพื่อฆ่าเชื้อโรค
    - เมื่อใช้เครื่องมืออีแมททริกแล้ว อาจมีการทำ ซับซิชั่น (Subcision)* ร่วมด้วย กรณีมีรอยหลุมสิวขนาดใหญ่
    *การทำ Subcision คือการใช้เข็มเซาะพังผืดที่อยู่ใต้หลุมสิว เพื่อให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่

    ค่าใช้จ่ายในการทำอีแมททริก คิดเป็นช็อต เช่น 100 ช็อต ราคา 15,000 บาท หรืออาจคิดเป็นครั้งๆ ละ 200 ช็อต ราคา 20,000 - 35,000 บาท

    การดูแลหลังการรักษา
    - หลังทำแล้วหน้าจะออกแดงๆ แสบร้อนบ้างประมาณ 1-2 ชั่วโมง และจะเห็นเป็นรอยตารางเป็นจุดๆ
    - ควรงดล้างหน้าภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นควรล้างหน้าอย่างเบามือ
    - ไม่ควรใช้ครีมลอกหน้า กรดผลไม้ AHA ไวท์เทนนิ่ง นวดหน้า ขัดหน้า
    - หลังจากทำได้ประมาณ 3-4 วัน แผลจะเริ่มตกสะเก็ด ควรปล่อยให้สะเก็ดหลุดไปเอง อย่าแกะ อย่าเกา

    ข้อดี - ข้อเสีย
    - มีผลข้างเคียงน้อย ทำได้ทุกสภาพผิว และไม่ต้องพักรักษาหน้านาน
    - การทำ อีแมททริก ควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญ ที่จะต้องตรวจดูสภาพผิวหน้าก่อนยิง
    - เพื่อให้เห็นผลดี ควรทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์
    - มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะหัวยิงอีแมททริก เป็นหัวทองคำ ยิงได้ประมาณ 400 ช็อต แล้วต้องเปลี่ยนใหม่

    รีวิวการทำ e Matrix http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sugarandbananaleaf&month=03-2012&date=19&group=21&gblog=7
    รีวิวการทำ e-Matrix http://pantip.com/topic/30911311

    รีวิวการทำ e-Matrix


    รีวิวการทำเลเซอร์ e-Matrix



    5. แฟลกทอรา (Fractora)
    แฟลกทอรา เป็นเทคโนโลยีแบบ Fractional RF เหมือนกับการทำอีแมททริก แต่แฟลกทอรามีการเพิ่มการใช้เข็มเล็กๆ ด้วย จึงเป็นการผสมผสานการทำงานร่วมกันของแสงเลเซอร์ (Fractional Laser) และคลื่นวิทยุ (Radiofrequency, RF) ส่งผ่านโดยใช้เข็มเล็กๆ (Microneedle) ที่เรียงกันอยู่ในตารางสี่เหลี่ยมถึง 60 เข็ม (Fractora Pins) เจาะผ่านผิวหนังลงไปในระดับความลึกประมาณ 1 มิลลิเมตร ที่เป็นชั้นของหนังแท้ เพื่อส่งผ่านคลื่นแสง และพลังงานความร้อนจากปลายเข็มไปยังผิวชั้นลึก เป็นการช่วยขจัดเซลผิวที่อ่อนแอออกไป และกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้น

    การทำแฟลกทอรา เหมาะกับการรักษาหลุมสิว ริ้วรอยจางลง รูขุมขนกระชับขึ้น จุดด่างดำ และรอยหมองคล้ำจางลง

    หลังการรักษาต้องใช้เวลาประมาณ 3 - 6 เดือน ในการสมานรอยแผลที่เกิดจากการรักษา ผิวหนังได้ซ่อมแซมตัวเอง และผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาเติมตามริ้วรอย และหลุมสิว คลินิกส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ทำ 4 - 8 ครั้ง โดยเว้นระยะประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อรักษาหลุมสิวที่มีความลึกในหลายระดับ

    ค่าใช้จ่ายในการทำแฟลกทอรา ประมาณ 15,000 บาท/ครั้ง (40,000 - 60,000 บาท/คอร์ส)

    ขั้นตอนการทำแฟลกทอรา
    - ทำความสะอาดผิวหน้า
    - ใช้ยาชาชนิดครีมทาให้ทั่วหน้า คลุมด้วยพลาสติกใส แล้วทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง จากนั้นเช็ดออก
    - ใช้หัวเครื่องมือแฟลกทอลาที่มีหัวเป็นสี่เหลี่ยม มีเข็มปลายแหลมเรียงรายอยู่ สัมผัสในบริเวณที่ต้องการรักษา เป็นจุดๆ ไป (แบบ stamp)
    - ขณะทำแฟรคทอรา ใบหน้าอาจมีการกระตุกบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นปกติ
    - หลังการรักษาหน้าจะแดง รู้สึกร้อน และตึงบริเวณใบหน้า อาจมีอาการบวม หรืออาจมีเลือดออกซึมๆ เป็นจุดเล็กๆ ทั่วหน้า

    การดูแลหลังการรักษา
    - งดล้างหน้าหรือแต่งหน้าภายใน 24 ชั่วโมง
    - หลังการรักษา อาจประคบเย็นเพื่อลดความร้อนได้ แต่ควรทำด้วยความนุ่มนวล และไม่ควรประคบด้วยนำ้แข็งโดยตรง
    - ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด สถานที่ร้อนจัด และควรทากันแดดทุกวัน
    - ควรล้างหน้าอย่างเบามือ และใช้โฟมล้างหน้าสำหรับผิวบอบบาง
    - ไม่ควรเกา หรือแกะสะเก็ดแผลที่เกิดจากการรักษา ควรให้สะเก็ดหลุดเองตามธรรมชาติ
    - ทามอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อช่วยให้แผลชุ่มชื้น และตกสะเก็ดหลุดลอกเร็วขึ้น

    ข้อดี - ข้อเสีย
    - ช่วยลดรอยหลุมสิว แผลเป็นจากสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ
    - ช่วยกระชับรูขุมขน สร้างผิวใหม่ ทำให้หน้าดูขาวใส
    - การทำเลเซอร์ใช้ได้ดีกับสภาพผิวที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจเกิดรอยจากเข็ม หรือเกิดฝ้าแดดได้ง่าย
    - หลังทำแฟลกทอรา อาจต้องใช้เวลาในการรักษาแผลประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งใบหน้าจะมีลักษณะบวม แดง ช้ำ อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
    - ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และอาจจะต้องทำต่อเนื่องกันหลายครั้ง
    - การรักษาให้ได้ผลดี ต้องทำต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง ใช้ระยะเวลาห่่างกันประมาณ 1 เดือน

    การทำงานของเครื่อง Fractora


    รีวิวรักษาหลุมสิวโดย Fractional RF พันทิป http://pantip.com/topic/33242534

    การทำเลเซอร์แต่ละตัว ต่างกันอย่างไร http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2012/11/Q12948719/Q12948719.html

แบ่งปันหน้านี้