[case study] การกระจายข่าวสารผ่านโลกออนไลน์ และ Social Network

​

จากกระแสอันร้อนแรงของข่าวสารร้านค้าร้านหนึ่ง (สมมุติให้เป็นชื่อร้าน A ละกันนะ) ที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจ แล้วเกิดการนำข้อมูลมา่แชร์ให้คนอื่นเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผ่านทาง Pantip และแล้วในเวลาเพียงไม่กี่วัน เรื่องราวเรื่องนี้ ก็รู้กันทั่วไปหมดแทบจะทั้งประเทศเลยทีเดียว เพราะมีการนำไปแชร์ต่อใน Facebook อีกทีด้วยนั่นเอง

ข้อมูลแบบเต็มของพันทิพย์ มาจาก ร้านค้า Online สมัยนี้ดังแล้วหยิ่งเยอะนะครับ คิดว่าดังจะทำยังไงก็ได้ลูกค้าไม่หาย

แน่นอนว่าเรื่องนี้ ตัวผมเองก็ไม่ได้รู้มาจากพันทิพย์เป็นที่ แรกเพราะทุกอย่างเริ่มมาจากอะไรที่ เพื่อน ๆ ผมแชร์ผ่าน Facebook มา

สำหรับเรื่องนี้ โดยส่วนตัวแล้ว (อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดก็ได้นะ) คิดว่า ทางร้านน่าจะเสียลูกค้าไปไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าเกินกว่าครึ่ง หรือเกือบทั้งหมดเลยก็เป็นได้ เพราะจากเว็บพันทิพย์ที่มีการนำข้อมูลมาแชร์นั้น เกิดการแสดงความคิดเห็น หาข้อมูลเพิ่มเติม นำประสบการณ์ที่ไม่ดีกับร้านนี้มาเสริม ต่อ ๆ กันไป ทำให้ได้ยินคำประมาณว่า
- "เอาของราคาถูกมาใส่แบรนด์เอง!"
- "ดูในรูปแล้วสวยมาก พอซื้อมา นึกว่าของตลาดนัดซะได้!"
- "เคยเข้าไปดูสินค้ามา สนใจอยู่ พอเจอกระทู้นี้ เลิกคิดจะซื้อเลย!"
- "เข้าไปทำการ report ให้ Facebook ปิด เพจไปเลยยยย!!!!"

สิ่งเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะทำให้ร้านค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะขายสินค้าได้มากขึ้น เพราะคอมเม้นต์นั้นดิสเครดิตไว้เยอะพอสมควรเลย แต่อย่างว่าแหละ ทุกอย่างมีสองด้าน มีทั้งคนชอบคนเกลียด บางคนอาจจะชอบร้านค้าแบบนี้แล้วแวะเข้ามาซื้อก็ได้ ... แต่ถ้าถึงขั้นโดน FB ปิดไปเลยล่ะก็ คงเสียหายไปไม่น้อยเลย

สรุป
- โลกออนไลน์ทุกวันนี้ กระแสการกระจายข่าวสารมาถึงกันเร็วมาก หากคิดไอเดียอะไรดี ๆ ได้ ลองใช้ช่องทางนี้ดู อาจจะทำให้เราประหยัดต้นทุนในการวิ่งหาลูกค้า หรือทำให้ร้านค้าเป็นที่รู้จักได้เยอะเลย (กรณี Feedback เป็นบวกนะ)
- การมีร้านค้า บน Facebook นั้น ทั้งเร็วและง่าย แต่ถ้าเกิดวันนึงมีคนหมั่นไส้เรามาก ๆ หรือ มีคนพยายามจะแกล้งเรา ทำการ report ให้ปิดเพจ ร้านค้าของเราอาจจะขาดความมั่นคงต่อการดำรงอยู่ก็ได้ (ถึงแม้ว่า Facebook น่าจะทำการตรวจสอบก่อนก็เหอะ เพราะเกิดพลาดอะไรวันไหนมาละก็....) อย่างไรก็ตามถ้าคิดดี ทำดีอยู่แล้วล่ะก็ Facebook ก็เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก ๆ เลย